"ธรรมชาติไม่เคยทำร้ายใคร ไม่สิ บางครั้งมันก็สร้างหายนะ แก่สิ่งมีชีวิตต่างๆ แต่เกิดจากวงจรความเป็นไป หาใช่จงใจทำร้าย"
ระหว่างทางขับรถบนถนนออกนอกเมือง Reykja-vik ประเทศไอซ์แลนด์ ภูมิประเทศแปลกตาเรียงรายให้เห็นตลอดทาง สถานที่บนโลกซึ่งภูเขาไฟระเบิดบ่อยครั้งตั้งแต่สมัยอดีต จนปัจจุบันก็ยังเกิดการปะทุให้ตกใจเป็นบางครั้ง ป้ายจำกัดความเร็วรถ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงกำกับอยู่ตลอดทาง ตำรวจจราจรที่นี่เคร่งครัดมาก ขอเตือนว่าอย่าลองดี เพราะโดนเรียกปรับมาแล้ว
We have been tracking you ตำรวจเอ่ยขึ้นหลังจากขับรถตามเรา (มาหลายวัน) เส้นทางของ Icelandสามารถขับรถเที่ยวได้ในลักษณะเป็นวงแหวนจะทำให้ได้เที่ยวได้ครบทั้งประเทศ เตรียมตัวมาอยู่สักสองอาทิตย์กำลังดี เพราะธรรมชาติคัดสรรความสวยงามมาให้ชมมากมายเหลือเกิน แต่การเดินทางครั้งนี้เราไปได้ไม่ครบเน้นไปทางด้านใต้เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็เป็นส่วนที่มีครบทั้งทัศนียภาพสวยงามภูเขาน้ำแข็ง ถ้ำน้ำแข็ง และทะเล
เริ่มจากเที่ยวชมถ้ำน้ำแข็งของภูเขาไฟ Katla ซึ่งเคยปะทุไปเมื่อปี 2010 หรือ 2553 จนเกิดเถ้าภูเขาไฟปกคลุมทวีป เป็นเหตุให้ยุโรปต้องปิดเส้นทางบินเหนือน่านฟ้ายุโรปทั้งหมดเป็นเวลานาน แนวภูเขาไฟแห่งนี้มีธารน้ำแข็งชื่อKotlujokull ปากทางเข้าเป็นแนวหินสลับแผ่นน้ำแข็งสีขาว ดำ ฟ้า อันเกิดจากการทับถมซ้อนกันระหว่างฤดูหนาวที่มีหิมะตกอย่างหนัก (สีขาว)การปะทุของภูเขาไฟจนเกิดละอองเถ้า (สีดำ) และก๊าซที่เกิดจากภูเขาไฟ (สีฟ้า) เมื่อมองเข้าไปในเนื้อน้ำแข็งจะเห็นฟองอากาศผุดพรายภายในนั้น เป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่าเรากำลังมองห้วงเวลาของเมื่อหลายพัน
หรือหมื่นปีที่แล้ว กลายเป็นความแปลกตาหาชมที่ไหนไม่ได้ ไกด์พาเรามุดเข้าไปในถ้ำอีกทีซึ่งต้องก้มตัวตลอดเวลากว่า 10 นาที ภายในถ้ำมืดและมีธารน้ำเชี่ยวไหลภายใน ต้องใส่หมวกไฟฉายและคอยเกาะเชือกข้ามธารน้ำเป็นระยะ แต่ในโพรงถ้ำนั้นสวยงามเกินบรรยาย แผ่นน้ำแข็งสีฟ้าสว่างสวยกับซุ้มโถงโค้งรูปร่างแปลกตามีให้เห็นไปไกด์พาไปโผล่ยังเชิงเขาอีกลูกซึ่งสวยงามและแปลกตาอีกแบบ บริเวณของถ้ำน้ำแข็งนี้ใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบ 1 ชั่วโมงจากเมือง VIK ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด ที่สำคัญ ถ้ำน้ำแข็งแห่งนี้เปิดให้ชมได้ตลอดทั้งปี
สนุกได้ตลอด24ชม.
สล็อต เว็บคุณภาพ
ขับเลยเมือง VIK ไปไม่กลมากยังมีสถานที่อีกแห่งซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวคือ Reynisfjara Black Sand Beach สวยแต่อันตราย คำนี้น่าจะเหมาะกับหาดซึ่งทอดตัวยาวไกลสุดลูกหูลูกตา คลื่นสีขาวคอยสาดซัดขึ้นมาบรรจบกับผืนทรายสีดำ ความเป็นทรายสีดำนี้เกิดจากภูเขาหินบะซอลท์แตกกร่อนตัวตามกาลเวลาร่วงโรยกลายเป็นผงละเอียดสีดำ ริมหาดมีแท่งหินบะซอลท์สีเทาทรงหกเหลี่ยมจำนวนนับไม่ถ้วนตั้งตระหง่านโดดเด่นคล้ายเป็นงานประติมากรรมที่
ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมาเอง แท่งหินเหล่านี้มีอายุน่าจะราวหลักพันปี เกิดจากธารลาวาซึ่งครั้งหนึ่งไหลอย่างเร็วและค่อยๆ แข็งตัว ระหว่างที่กำลังแข็งนั้นเองเกิดการแตกกร่อนเกิดขึ้นจนกลายเป็นแท่งหกเหลี่ยมอย่างที่เห็น ปรากฎการณ์นี้ถูกเรียกว่า Columnar Jointingเป็นสิ่งที่ยังเห็นได้จากพื้นที่อีกในประเทศไอซ์แลนด์ แต่ที่มีชื่อเสียงและถูกถ่ายรูปมากคือที่หาด Reynisfjaraแห่งนี้ แม้หาดจะสวยชวนดึงดูดอย่างไรก็อย่าหลงประมาทเป็นอันขาด มีนักท่องเที่ยวถูกคลื่นดูดซัดออกไปในทะเลจนเสียชีวิตหลายรายแล้ว คลื่นลูกใหญ่และมีกำลังดูดมหาศาลกว่าที่ใครจะคาดคิด แม้จะมีป้ายปักเตือนว่าห้ามเข้าใกล้คลื่น แต่หน่วยกู้ภัยท้องถิ่นก็ยังคงได้รับโทรศัพท์เรียกให้ไปช่วยนักท่องเที่ยวนับพันครั้งต่อปี
ทอดสายตาออกไปไกลโพ้น ปรากฎ Reynisdran-gar แท่งหินสีดำรูปทรงประหลาดอยู่กลางทะเลตำนานเล่ากันว่ามันคือปีศาจโทรลล์ที่พยายามแอบลากเรือออกจากเมือง VIK จึงถูกเทพแห่งแสงแดดสาปให้เป็นหิน ตำนานน่าฟังกว่าเรื่องจริงเสมอ ความจริงที่ว่ามันเป็นเพียงแท่งหินบะซอลท์สีดำสมัยภูเขาไฟระเบิดเมื่อหลายพันปีที่แล้ว
ขับรถเลยจากหาดทรายสีดำยังมีสถานที่อีกแห่งสวยงามให้อารมณ์ต่างกัน นั่นคือ Dyrholaey เป็นซุ้มหินขนาดใหญ่โค้งก่อตัวเป็นทรงประตู แนะนำให้ขับรถขึ้นไปดูบน Dyrholaey Peninsula ซึ่งอยู่ห่างออกมาราว 20 นาทีโดยประมาณ เพราะเมื่อมองจากมุมสูงจะเห็นวิวได้สองฝั่ง ด้านซ้ายเป็น Dyrholaey และยังเห็นReynisdrangar ในมุมที่ต่างไป ส่วนด้านขวาจะเห็นแนวหาดทรายสีดำคั่นระหว่างผืนหญ้าสีเขียวกับฟองน้ำทะเลสีขาว เป็นภาพสวยงามแปลกตาจนลืมไม่ลง หากได้จิบกาแฟหรือไวน์แกล้มวิวไปด้วยคงจะเพลินจนไม่อยากลง เสียดายก็แต่ไม่มีอะไรนอกจากประภาคารตั้งโดดเด่นเป็นเพื่อนนักท่องเที่ยว
ทัศนียภาพของประเทศนี้มีความหลากหลายชนิดว่าขับไปแห่งหนใดก็ไม่เบื่อ มีสิ่งเพลิดเพลินตาให้ชมตลอดทาง ทั้งแนวเทือกเขารูปทรงเฉพาะอันเนื่องมาจากภูเขาไฟ ธารลาวาเก่าแก่ที่ถูกเรียกว่า Skaftarel-dahraun ก่อตัวเป็นทรงพุ่มทับถมกลมซ้อนลดหลั่นโดยมีพืชสีเขียวปกคลุมจนกลายเป็นอีกหนึ่งแหล่งมรดกโลก หินระเกะระกะตามไหล่เขาอันเนื่องมาจากการระเบิดของภูเขาไฟ แนวคาบสมุทรทอดตัวยาว โขดหินหลากทรวดทรง ม้าสีสวยที่ไม่เคยเห็นที่ไหน ลำตัว
เป็นสีดำขนสีขาว บ้างลำตัวสีครีมแต่แนวขนสีดำ และอีกมากมายเกินกว่าจะเล่าได้หมด
จบท้ายตอนนี้ด้วยน้ำตก Skogafoss น้ำตกสูง 60เมตร สูงเป็นอันดับ 5 ของประเทศ อยู่บนแม่น้ำ Skogaมีทางเดินขึ้นไปชมยอดน้ำตกได้ใช้เวลาเดินไปกลับราวหนึ่งชั่วโมง ละอองของน้ำกระจายตัวไกลด้วยแรงลมจนเปียกและหนาวขึ้นได้ หากเตรียมเสื้อผ้าที่ทั้งกันหนาวและกันน้ำไปใส่น่าจะช่วยให้อบอุ่นขึ้นบ้างเล่มหน้าจะพาไปพบกับความมหัศจรรย์ของภูเขาน้ำแข็ง พันปีและเรื่องเล่าน่าตื่นเต้น รออ่านกันนะคะ